การจัดการสินทรัพย์
การบันทึกสินทรัพย์
เมื่อมีการจัดซื้อสินทรัพย์และทำการตั้งหนี้แล้ว ระบบจะสร้างข้อมูลสินทรัพย์ สถานะ Draft ให้อัตโนมัติ สามารถดูข้อมูลสินทรัพย์ได้จากปุ่ม Smart Button "Asset" หน้า Invoice หรือดำเนินการดังนี้
Menu: Invoicing > Assets > Assets
-
เลือก Filter เป็น Draft เพื่อกรองการค้นหารายการสินทรัพย์ที่ยังมีสถานะเป็น Draft
-
เลือกรายการสินทรัพย์ที่ต้องการตรวจสอบข้อมูลส่วนบนของสินทรัพย์
- (1) Asset Name: ชื่อของสินทรัพย์ โดยระบบจะดึงค่าเริ่มต้นจาก Field Label บน Vendor Bill สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อได้ตามความเหมาะสม
- (2) Asset Number: เลขที่สินทรัพย์ ระบบจะสร้างให้อัตโนมัติ
- (3) Reference: เลขที่อ้างอิงเอกสารตั้งหนี้
- (4) Depreciation Base: มูลค่าที่สามารถนําไปคํานวณค่าเสื่อมราคา
- (5) Residual Value: ราคามูลค่าคงเหลือของสินทรัพย์
- (6) Purchase Order: อ้างอิงเลขที่เอกสารสั่งซื้อ
- (7) Operation Unit: ฝ่าย
- (8) Depreciated Value: มูลค่าของค่าเสื่อมสะสมที่บันทึกบัญชีไปแล้ว
- (9) Depreciation Rate: อัตราการคิดค่าเสื่อม (%)
- (10) ใส่รูปสินทรัพย์
-
ตรวจสอบข้อมูลที่ แท็บ General
- (1) Purchase Value: มูลค่าของสินทรัพย์
- (2) Asset Start date: วันที่เริ่มคิดค่าเสื่อม ระบบจะดึงข้อมูลจากวันที่ตรวจรับ
- (3) Sub Status: สถานะย่อยของสินทรัพย์
- (4) Salvage Value: ราคาซาก
- (5) Asset Removal Date: วันที่ทำการตัดจำหน่ายสินทรัพย์
- (6) Asset Profile: หมวดหมู่ของสินทรัพย์
- (7) Asset Groups: กลุ่มของสินทรัพย์
- (8) Analytic Account ชื่อโครงการหรือชื่อหน่วยงานที่ต้องการใช้งบประมาณ
- (9) Parent Asset: การจัดชุดย่อยของหมวดหมู่สินทรัพย์
- (10) Partner: ชื่อ Vendor
- (11) Analytic tags: ข้อมูลกลุ่มงบประมาณ แผนงาน ประเภทงบประมาณ
- (12) Time Method: วิธีการคิดช่วงเวลาของค่าเสื่อม ให้เลือก Number of Years or end date เป็นการคิดค่าเสื่อมตามจำนวนปีที่เลือก หรือคิดค่าเสื่อมจนถึงวันที่กำหนด
- (13) Number of Years: จะหมายถึงจำนวนปีในการคิดค่าเสื่อม ให้ระบุตามจำนวนปีที่คิดค่าเสื่อม
- (14) Period Length: ช่วงเวลาในการคิดค่าเสื่อม ให้เลือกเป็น Month เนื่องจากต้องปิดงบการเงินทุกเดือน
- (15) Ending Date: ใส่วันที่ที่ต้องการให้สิ้นสุดการคิดค่าเสื่อม (ถ้ามี)
- (16) Calculate by days: คลิกเมื่อต้องการคำนวณค่าเสื่อมตามจำนวนวันในเดือน
- (17) Computation Method: วิธีการคิดค่าเสื่อมราคา เลือกเป็น Linear up to Salvage คิดค่าเสื่อมแบบเส้นตรง
- (18) Prorata Temporis:
- (1) คลิก หากต้องการให้เริ่มคิดค่าเสื่อมตั้งแต่วันที่ Asset start date
- (2) ไม่คลิก หากต้องการให้เริ่มคิดค่าเสื่อมตั้งแต่วันแรกของปี (โดยปกติเราจะไม่เลือกวิธีนี้ เพราะเป็นการคิดค่าเสื่อมย้อนหลัง)
- (19) Accumulate missed depreciations: คลิกเพื่อให้ระบบนำค่าเสื่อมของรอบบัญชีที่ปิดงวดไปรวมกับงวดถัดไป
Info
กรณีสินทรัพย์ที่เกิดจากการปรับปรุงหรือเพิ่มส่วนประกอบ สามารถแก้ไขวันที่สิ้นสุดการคิดค่าเสื่อมราคาให้เท่ากับสินทรัพย์เก่าได้ โดยการปรับวันที่หยุดคิดเสื่อมให้เป็นวันที่เดียวกัน
-
ตรวจสอบข้อมูลที่ แท็บ Depreciation Board
- (1) Type Deprecation: ค่าเสื่อมราคา
- (2) Date: วันที่จะบันทึกค่าเสื่อม
- (3) Days: จำนวนวันที่คิดค่าเสื่อมของงวดนั้นๆ
- (4) Amount already Depreciated: ค่าเสื่อมสะสม
- (5) Amount: ค่าเสื่อมของงวดนั้นๆ
- (6) Next period Depreciation: ค่าเสื่อมคงเหลือที่ยังไม่ได้บันทึก
- (7) Init: คลิกเพื่อระบุว่าค่าเสื่อมราคาในบรรทัดนี้ เป็นยอดยกมาจากระบบเก่า เพื่อไม่ให้ระบบบันทึกค่าเสื่อมราคาอีกครั้ง
- (8) Posted: คลิกสำหรับระบุว่าค่าเสื่อมราคาได้บันทึกบัญชีแล้ว
-
ตรวจสอบข้อมูลที่ แท็บ History จะแสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์
-
ตรวจสอบข้อมูลที่ แท็บ Notes จะเป็น แท็บ สำหรับใส่ข้อมูลเพิ่มเติม (ถ้ามี)
-
แท็บ Other Info สามารถกรอกข้อมูลเพิ่มเติมได้ดังนี้
- (1) Location: สถานที่เก็บสินทรัพย์
- (2) S/N: หมายเลขซีเรียล
- (3) Benefits: รายละเอียดผลประโยชน์
-
คลิกปุ่ม Save เพื่อบันทึกข้อมูลและตรวจสอบข้อมูล หากต้องการแก้ไขสามารถกดปุ่ม Edit เพื่อแก้ไขข้อมูลอีกครั้ง
-
เมื่อตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่ม Confirm Asset เพื่อยืนยันการสร้างสินทรัพย์ จากนั้นสถานะของสินทรัพย์จะเปลี่ยนเป็น Running
การบันทึกค่าเสื่อมราคา
หลังจากที่สินทรัพย์มีสถานะพร้อมใช้งาน (Running) เมื่อทางบัญชีต้องการบันทึกค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ สามารถทำได้ดังนี้
Menu: Invoicing > Assets > Compute Asset Batch
-
คลิก Create เพื่อสร้าง Batch ในการคำนวณค่าเสื่อม
-
กรอกข้อมูลดังนี้
- (1) Batch Name: ชื่อ
- (2) Description: คำอธิบายรายการ
- (3) Date: วันที่สุดท้ายที่ต้องการคิดค่าเสื่อม
- (4) Auto Compute: ระบบจะคำนวณค่าเสื่อมให้อัตโนมัติ เมื่อถึงวันที่ที่ตั้งค่าไว้ในข้อ 2
- (5) Delay Posting: ระบบจะสร้าง Voucher ที่มีสถานะเป็น Draft
- (6) Profiles: หมวดหมู่สินทรัพย์ที่ต้องการบันทึกค่าเสื่อมราคา
-
คลิก Compute เพื่อบันทึกค่าเสื่อม
-
หากต้องการดูการบันทึกบัญชีให้คลิกที่ปุ่ม Smart Button Journal Entries หรือ Depreciations
การบันทึกค่าเสื่อมราคา
-
ปุ่ม Compute as Backgroud ใช้สำหรับกรณีที่ต้องการประหยัดเวลาในการรอระบบรันบันทึกค่าเสื่อมราคา ให้ยังสามารถใช้งานหน้าต่างอื่นๆ ก่อนได้ โดยไม่ต้องรอให้ระบบคำนวณเสร็จ
-
เมื่อระบบคำนวณเสร็จ Job State จะเปลี่ยนเป็น Done
การตัดจำหน่ายสินทรัพย์
หลังจากที่มีการตรวจสอบสภาพสินทรัพย์ และมีอนุมัติให้ทำการตัดจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ทางบัญชีจะต้องเข้ามาระบบเพื่อตัดจำหน่ายสินทรัพย์ให้มีสถานะเป็น Remove ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
Menu: Invoicing > Assets > Assets
-
เลือกรายการสินทรัพย์ที่ต้องการตัดจำหน่าย สามารถได้มากกว่าหนึ่งรายการ
-
คลิกปุ่ม Action และคลิก Remove
-
กรณีเลือก Removal Entry Policy เป็น Gain/Loss on Sale (ตัดจำหน่ายจากการขาย)
- (1) Force Accounting Date: วันที่ในการลงบันทึกบัญชี
- (2) Removal Entry Policy: วิธีการตัดจำหน่าย ให้เลือก Gain/Loss on Sale
- (3) Plus- Value Account: ลงบันทึกบัญชีกําไรจากการขายสินทรัพย์
- (4) Asset Removal Date: วันที่ตัดจําหน่าย
- (5) Sale Value: กรอกราคาที่ขาย
- (6) Min- Value Account: ลงบันทึกบัญชีขาดทุนจากการขายสินทรัพย์
- (7) Note: บันทึกข้อความเพิ่มเติม (ถ้ามี)
-
กรณีเลือก Removal Entry Policy เป็น Residual Value (ตัดจำหน่ายจากบริจาคหรือเสื่อมสภาพ)
- (1) Force Accounting Date: วันที่ในการลงบันทึกบัญชี
- (2) Removal Entry Policy: วิธีการตัดจำหน่าย ให้เลือก Residual Value
- (3) Residual Value Account: บัญชีที่ต้องการลงส่วนต่างระหว่างราคาทุนและค่าเสื่อมสะสม
- (4) Asset Removal Date: วันที่ตัดจําหน่าย
- (5) Sale Value: ไม่ต้องกรอก
- (6) Note: บันทึกข้อความเพิ่มเติม (ถ้ามี)
-
ตรวจสอบข้อมูล และเลือกดำเนินการ
- กดปุ่ม Generate Removal Entries เพื่อยืนยันการบันทึกบัญชีการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ สถานะจะเปลี่ยนเป็น Removed
- กด Cancel เพื่อยกเลิกการตัดจำหน่าย
-
เมื่อกดปุ่ม Generate Removal Entries แล้ว ระบบจะสร้าง Journal Entries สถานะ Draft กดเพื่อเปิดเอกสาร
-
ตรวจสอบข้อมูลการบันทึกบัญชี และกดปุ่ม Post เพื่อยืนยัน สถานะเอกสารจะเปลี่ยนเป็น Posted
การโอนสินทรัพย์ระหว่างทางหรือสินทรัพย์ระหว่างก่อสร้าง
หลังจากที่งานระหว่างก่อสร้างมีสถานะพร้อมใช้งาน (Running) เมื่อทางบัญชีต้องโอนงานระหว่างก่อสร้างเป็นสินทรัพย์สามารถทำได้ดังนี้
Menu: Invoicing > Assets > Assets
-
เลือก Filter Transferable เพื่อกรองรายการที่เป็นงานระหว่างก่อสร้าง
-
เลือกรายการที่ต้องการโอนเป็นสินทรัพย์ สามารถคลิกเลือกได้หลายรายการ
-
คลิกที่ปุ่ม Action และเลือก Transfer Asset
-
ระบบจะแสดงหน้าต่างการโอนสินทรัพย์โดย field ต่างๆมีความหมายดังนี้
- (1) Transfer date: วันที่โอนสินทรัพย์จะเป็นวันบันทึกบัญชี
- (2) From Value: มูลค่ารวมของงานระหว่างก่อสร้างทั้งหมดที่ต้องการโอนเป็นสินทรัพย์
- (3) To Value: มูลค่าทั้งหมดของสินทรัพย์ตัวใหม่
- (4) Transfer Journal: สมุดรายวันที่บันทึกบัญชี
- (5) From Sub-State: สถานะย่อย
- (6) Operation Unit: แผนก
-
คลิก Add a line เพื่อใส่ข้อมูลของสินทรัพย์ตัวใหม่
- (1) Asset Profile: หมวดหมู่สินทรัพย์
- (2) Asset Name: ชื่อของสินทรัพย์ใหม่
- (3) Unit Price: ราคาต่อหน่วยของสินทรัพย์ใหม่
- (4) Quantity: จำนวนสินทรัพย์ใหม่
- (5) Asset Value: มูลค่ารวมของสินทรัพย์
- (6) Partner: ชื่อ Vendor (ถ้ามี)
- (7) Analytic Account: Project
- (8) Analytic Tags: Dimension ระบุข้อมูล Product Line และ BOI
- (9) Operating Unit: ฝ่าย ระบบจะใส่ค่าเริ่มต้นตามฝ่ายของชื่อผู้ขอเบิก
- (10) Noted: ใส่ข้อความเพิ่มเติม (ถ้ามี)
-
สำหรับกรณีโอนงานระหว่างก่อสร้างเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาต่อหน่วยเท่ากัน และจำนวนสินทรัพย์ จากนั้นคลิกที่ Expand Asset ระบบจะทำการแยกสินทรัพย์ใหม่ตามจำนวนที่ระบุ
-
Tab From จะแสดงงานระหว่างก่อสร้างที่จะถูกโอนไปเป็นสินทรัพย์
-
คลิก Transfer ระบบจะทำการบันทึกบัญชี
-
ระบบจะพาไปยังหน้าต่างที่บันทึกบัญชีโอนงานระหว่างก่อสร้าง
End.